สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์ความรู้เรื่อง เครื่องปั่นสเลอปี้ หรือ slush ให้ฟังกันแบบง่ายๆ สำหรับเจ้าของร้านที่กำลังมองหาเครื่องทำ น้ำปั่น ชื่นใจๆ เอาไว้ทำขาย ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เครื่องปั่น พวกนี้มีระบบการปั่นที่แตกต่างกันถึง 2 แบบเลยทีเดียวครับ
โดยระบบหลักๆ ของ เครื่องปั่นสเลอปี้ หรือ slush คือ การวัดค่าการปั่น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อเนื้อสัมผัสของ น้ำปั่น ความหนืด และสูตร น้ำปั่นสเลอปี้ ที่คุณสามารถทำได้
ระบบนี้จะทำงานโดยวัดความหนืดของ slush โดยตรง ยิ่งเกล็ดน้ำแข็งสะสมเยอะ น้ำปั่นสเลอปี้ ก็จะยิ่งหนืดขึ้น ใบพัดก็จะทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย พอถึงจุดที่หนืดเกินไป เครื่องปั่น จะหยุดการทำความเย็นทันที เพื่อไม่ให้น้ำแข็งเกาะหนาจนเกินไปจนใบพัดทำงานไม่ได้
· ข้อดี: คุณจะได้ น้ำปั่นสเลอปี้ ที่มีเนื้อข้น ละเอียด และได้สเลอปี้เนื้อนุ่มฟูสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันปัญหาใบปั่นติดขัดหรือมอเตอร์พังได้ดีกว่าอีกด้วย ทำให้ เครื่องปั่น ของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
· เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการ slush เนื้อข้นถูกใจลูกค้าและไม่ต้องคอยดูแล เครื่องปั่น มากนัก
สำหรับระบบนี้ เครื่องปั่น จะใช้การวัดอุณหภูมิของ slush ตามค่าที่เราตั้งไว้ พอถึงอุณหภูมิที่กำหนดก็จะหยุดทำความเย็น และเริ่มทำใหม่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
· ข้อเสีย: ข้อจำกัดหลักๆ ของระบบนี้คือ เครื่องปั่น ไม่ได้คำนึงถึงความหนาของน้ำแข็ง ทำให้มีความเสี่ยงที่น้ำแข็งจะเกาะหนาจนใบปั่นติดขัดและอาจทำให้มอเตอร์เสียหายได้ ทำให้เราต้องคอยปรับอุณหภูมิและปรับสูตร น้ำปั่น ให้เหมาะสม ซึ่งต้องใช้ความชำนาญ
· เหมาะกับ: ผู้ที่เข้าใจระบบ เครื่องปั่น เป็นอย่างดีและต้องการควบคุมอุณหภูมิของ น้ำปั่น ได้เอง
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ถ้าให้แนะนำ ผมขอเชียร์ เครื่องปั่นสเลอปี้ ที่มีระบบวัดค่าจากความหนืดครับ เพราะใช้งานง่ายกว่าและช่วยยืดอายุการใช้งาน เครื่องปั่น ได้ดีกว่า แต่ถ้าใครเลือกระบบวัดค่าจากอุณหภูมิ ลองถามคนขายดูนะครับว่า เครื่องปั่น รุ่นนั้นๆ มีระบบป้องกันมอเตอร์ไหม้หรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะใช้งานได้อย่างสบายใจในระยะยาวครับ